ปราสาทศีขรภูมิ ตั้งอยู่ที่อำเภอศีขรภูมิ เป็นปราสาทที่มีความสมบูรณ์และงดงามที่สุดมากที่สุดในจังหวัดสุรินทร์ มีทับหลังเป็นรูปนางอัปสรถือดอกบัว และทวารบาลยืนกุมกระบอง ซึ่งนางอัปสราที่ปราสาทศีขรภูมินี้มีลักษณะคล้ายกับนางอัปสราที่ปราสาทนครวัด ประเทศกัมพูชา ซึ่งไม่พบที่ปราสาทศิลปะเขมรโบราณแห่งใดอีกเลยในประเทศไทย พบที่ปราสาทศีขรภูมิเพียงแห่งเดียวเท่านั้น
ตัวปราสาทก่อด้วยอิฐบนฐานหินศิลาแลง โดดเด่นท่ามกลางสนามหญ้าสีเขียว ประกอบด้วยปรางค์ 5 องค์ ปรางค์ประธานตั้งอยู่ตรงกลางก่อด้วยอิฐขัดมัน มีปรางค์บริวารล้อมรอบ 4 มุม ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงเดียวกัน จากลักษณะทางศิลปกรรม สันนิษฐานว่าสร้างราวพุทธศตวรรษที่ 17 ซึ่งตรงกับศิลปะนครวัด โดยสามารถกำหนดอายุได้จากลวดลายบนกรอบประตูและทับหลังของปราสาทประธาน อย่างไรก็ดีปราสาทแห่งนี้ยังคงสร้างด้วยอิฐ แตกต่างจากปราสาทสมัยนครวัดในประเทศกัมพูชาที่นิยมสร้างด้วยหินทรายเสมอ
แผนผังของปราสาทศรีขรภูมิ มีความพิเศษที่แตกต่างไปจากปราสาทหลังอื่นในประเทศไทย เนื่องจากเป็นปราสาท 5 หลังที่ตั้งอยู่บนฐานไพทีเดียวกัน โดยปราสาทประธานตั้งอยู่ตรงกลางและล้อมรอบไปด้วปราสาทบริวารอีก 4 มุม ลักษระเช่นนี้แตตก่งไปจากปราสาทที่พบในประทศไทยโดยทั่วไปที่มักเป็นปราสาท 3 หลังเรียงกันอยู่บนฐาน
ปรางค์ประธาน บริเวณประตูมีทับหลังเป็นภาพพระศิวนาฏราชสิบกร ทรงฟ้อนรำอยู่เหนือเกียรติมุข ภายใต้วงโค้งลายท่อนมาลัย ซึ่งสลักเป็นภาพพระคเณศ พระพรหม พระวิษณุ และพระอุมา บริเวณเสากรอบประตูสลักเป็นรูปนางอัปสรถือดอกบัว และทวารบาลยืนกุมกระบอง ปราสาทศีขรภูมิ โบราณสถานที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ไม่ใหญ่โตมาก แต่มีความงดงามตามแบบฉบับ สถานที่ได้รับการดูแลรักษาอย่างดี แม้จะผ่านมานานปี คล้ายมีมนต์ขลัง ทำให้นึกถึงครั้งอดีตที่รุ่งเรือง
จังหวัดในภาคอีสานในความคิดของคนส่วนใหญ่ คือ ไกล แต่แท้จริงแล้ว บางจังหวัดสามารถเที่ยวได้โดยใช้เวลาไม่มาก หากเรายังเที่ยวอยู่แต่ในที่เดิมๆ ที่ฮิตๆufabet ก็จะไม่มีโอกาสได้เห็นมุมมองใหม่ของจังหวัดอื่น อย่างเช่น สุรินทร์ เมืองช้าง ถิ่นปราสาทหิน เด่นดังเรื่องผ้าไหมทอง ที่รอให้เราเปิดใจมาเยี่ยมเยือน